กล่องกระดาษ กับอุณหภูมิอาหาร มีผลต่อสุขภาพอย่างไร?
กล่องกระดาษกับอุณหภูมิอาหารอาจส่งผลต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เรียนรู้ว่าความร้อนและความเย็นมีผลต่อบรรจุภัณฑ์อย่างไร พร้อมวิธีเลือกใช้กล่องกระดาษที่ปลอดภัย
PFAS ในบรรจุภัณฑ์กระดาษอาจเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพ สารเคมีนี้สามารถปนเปื้อนในอาหารและสะสมในร่างกาย เสี่ยงต่อโรคมะเร็ง ฮอร์โมนผิดปกติ และปัญหาภูมิคุ้มกัน เรียนรู้วิธีหลีกเลี่ยง PFAS และเลือกบรรจุภัณฑ์ที่ปลอดภัย
ปัจจุบัน บรรจุภัณฑ์กระดาษได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการลดการใช้พลาสติกเพื่อลดขยะและมลภาวะ แต่รู้หรือไม่ว่าบรรจุภัณฑ์กระดาษบางชนิดอาจมี สาร PFAS (Per- and Polyfluoroalkyl Substances) ซึ่งเป็นสารเคมีที่สามารถปนเปื้อนในอาหารและส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว? สารเคมีอันตรายไม่ได้มีแค่ในบรรจุภัณฑ์กระดาษเท่านั้น แต่ยังพบในหมึกพิมพ์ที่เราใช้ทุกวัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เช่นกัน
ในบทความนี้ เราจะพาไปทำความเข้าใจว่า PFAS คืออะไร? ทำไมมันถึงอยู่ในบรรจุภัณฑ์กระดาษ? และที่สำคัญ ผลกระทบต่อร่างกายมีอะไรบ้าง พร้อมทั้งแนวทางป้องกันตัวเองจากสารอันตรายนี้
PFAS เป็นกลุ่มของสารเคมีที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มานานหลายสิบปี จุดเด่นของมันคือ ทนทานต่อน้ำ น้ำมัน และความร้อน ซึ่งทำให้ถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์หลายประเภท เช่น กระทะเคลือบกันติด เสื้อผ้ากันน้ำ โฟมดับเพลิง และแน่นอน บรรจุภัณฑ์อาหาร
บรรจุภัณฑ์กระดาษ เช่น กล่องพิซซ่า ถุงใส่ป๊อปคอร์นในไมโครเวฟ ถ้วยกระดาษสำหรับเครื่องดื่มร้อน หรือกระดาษห่อเบอร์เกอร์ มักเคลือบด้วยสาร PFAS เพื่อป้องกันไม่ให้ไขมันหรือน้ำซึมผ่าน
แต่ปัญหาคือ PFAS ไม่สามารถย่อยสลายได้ง่าย และมันสามารถปนเปื้อนเข้าไปในอาหารที่เรารับประทาน โดยเฉพาะเมื่อบรรจุภัณฑ์ได้รับความร้อนหรือถูกใช้งานเป็นเวลานาน
PFAS สามารถเข้าสู่ร่างกายของเราได้หลายวิธี เช่น
นักวิจัยพบว่า PFAS สามารถสะสมในร่างกายได้เป็นเวลานาน และอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายประการ ได้แก่
PFAS อาจทำให้ร่างกายตอบสนองต่อวัคซีนได้ไม่เต็มที่ และลดความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรค
งานวิจัยบางชิ้นพบว่าการได้รับ PFAS ในปริมาณสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงของ มะเร็งไต มะเร็งอัณฑะ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
PFAS อาจมีผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนไทรอยด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญพลังงาน และการเจริญเติบโตของร่างกาย
เด็กที่ได้รับสาร PFAS อาจมีพัฒนาการทางสมองและพฤติกรรมผิดปกติ รวมถึงอาจมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำ
มีหลักฐานว่า PFAS อาจส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ในทั้งเพศชายและหญิง
นอกจาก PFAS แล้ว กระดาษรีไซเคิลบางชนิดอาจมีสารเคมีตกค้างที่เป็นอันตราย คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่ รู้ก่อนใช้! กระดาษรีไซเคิลกับสารตกค้างที่อาจเป็นอันตราย
เนื่องจากความกังวลด้านสุขภาพ หลายประเทศเริ่มออกมาตรการควบคุม การใช้ PFAS ในบรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น
แม้ว่าหลายประเทศจะมีมาตรการควบคุม แต่ในบางพื้นที่ PFAS ยังคงถูกใช้ในผลิตภัณฑ์อาหารโดยไม่มีการแจ้งเตือนผู้บริโภค
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยง PFAS ได้ทั้งหมด แต่ก็มีวิธีลดความเสี่ยงในการได้รับสารนี้
การใช้ ไมโครเวฟอุ่นอาหารในบรรจุภัณฑ์ที่มี PFAS อาจทำให้สารเคมีถูกปล่อยออกมาในปริมาณที่สูงขึ้น
หากกังวลว่าแหล่งน้ำอาจปนเปื้อน PFAS อาจใช้ เครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง ในการกรองสารเคมีเหล่านี้
บางบริษัทเริ่มหันมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ปราศจาก PFAS โดยมีฉลากกำกับชัดเจน ควรเลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแหล่งที่เชื่อถือได้
การอุ่นอาหารในกล่องกระดาษอาจทำให้สาร PFAS และสารเคลือบอื่น ๆ หลุดออกมา เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบของอุณหภูมิต่อบรรจุภัณฑ์อาหารได้ที่ กล่องกระดาษกับอุณหภูมิอาหาร มีผลต่อสุขภาพอย่างไร?
แม้ว่าบรรจุภัณฑ์กระดาษจะเป็นตัวเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าพลาสติก แต่ การใช้สาร PFAS อาจทำให้บรรจุภัณฑ์เหล่านี้กลายเป็นภัยเงียบต่อสุขภาพของเรา
การตระหนักถึง แหล่งที่มาของบรรจุภัณฑ์ และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจะช่วยลดความเสี่ยงของการได้รับสารเคมีอันตรายนี้ไปสู่ร่างกาย
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารที่ปลอดภัย และช่วยกันผลักดันให้มีมาตรการควบคุมสาร PFAS อย่างเข้มงวดมากขึ้น
PFAS (Per- and Polyfluoroalkyl Substances) เป็นสารเคมีสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติทนต่อน้ำและไขมัน มักถูกใช้ในบรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น กล่องพิซซ่าและถ้วยกระดาษ แต่มีความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อสะสมในร่างกาย
PFAS อาจปนเปื้อนในอาหารและสะสมในร่างกาย ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง นอกจากนี้ยังย่อยสลายยาก ทำให้เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม
สามารถหลีกเลี่ยงได้โดยเลือกใช้ภาชนะที่ปลอดสารเคมี เช่น แก้วหรือสเตนเลส หลีกเลี่ยงการอุ่นอาหารในบรรจุภัณฑ์กระดาษ และเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดจาก PFAS
หลายประเทศเริ่มควบคุมการใช้ PFAS เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา และเดนมาร์ก ซึ่งบางแห่งออกกฎหมายห้ามใช้ PFAS ในบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ
PFAS มีแนวโน้มสะสมในร่างกายและใช้เวลานานในการกำจัดออก วิธีลดความเสี่ยงคือหลีกเลี่ยงการรับสารเข้าไปเพิ่มเติม และเลือกบริโภคอาหารที่ช่วยขับสารพิษ เช่น ผักใบเขียวและอาหารที่มีเส้นใยสูง