ลดเค็มก่อนสาย เพื่อไตที่แข็งแรง

การกินอาหารของผู้คนในทุกวันนี้ก็ย่อมจะใส่ใจกับเรื่องรสชาติและนำมาด้วยการปรุงแต่งรสต่างๆ ด้วยเครื่องปรุงมากมายหลากหลายรูปแบบ เพื่อที่เราจะได้รสชาติที่ชื่นชอบและตรงกับความต้องการได้มากที่สุด บางคนชอบกินเปรี้ยว บางคนชอบกินหวาน บางคนชอบกินเผ็ด และบางคนชอบรสเค็ม แต่รู้หรือไม่ว่าการที่เรารับประทานอาหารรสชาติเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการรับประทานเค็ม

รสเค็มกินได้แต่ห้ามกินมาก

สำหรับใครที่ชื่นชอบรสชาติของความเค็ม โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราก็ต้องการโซเดียมแค่วันละ 1 ช้อนชาเท่านั้นหรือถ้าคิดแล้วก็จะอยู่ที่ปริมาณ 2,400 มิลลิกรัมด้วยกัน แต่ในขณะที่หลายคนก็ได้กินเค็มในแต่ละวันมากเป็นสามเท่า ซึ่งถ้าหากไม่หยุดกินลักษณะแบบนี้ก็อาจจะส่งผลทำให้สุขภาพของเราเกิดความเสียหายได้

ทราบกันหรือไม่ ว่าการกินเค็มมากๆ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง ?

โทษของการกินเค็ม

1. โรคไต

ถ้าหากเราป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ก็จะส่งผลทำให้ไตทำงานหนักมากยิ่งขึ้น เมื่อไตทำงานหนักมากจนเกินไป ก็จะส่งผลทำให้ “ไตเสื่อมสภาพลง” โดยไม่สามารถที่จะขับของเสียออกจากร่างกายไปได้ จนกระทั่งทำให้เกิดโรตไตเสื่อมและไตวายในที่สุด

ฉะนั้น ไตของคนเรามีเพียงแค่ 2 ข้าง เราก็จะต้องดูแลรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด เท่าที่เราจะทำได้

2. โรคความดันโลหิตสูง

เนื่องจากร่างกายของเราจะมีไตที่คอยทำหน้าที่ปรับระดับโซเดียมและน้ำภายในร่างกายให้คงความเหมาะสม แต่ถ้าหากร่างกายของเรามีประมาณโซเดียมมากจนเกินไป การทำงานของไต ก็จะทำงานหนัก ทำให้ไม่สามารถที่จะปรับประดับของโซเดียมให้เหมาะสมกับน้ำได้ เลยทำให้โซเดียมที่อยูในร่างกายก็จะเพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น ทำให้น้ำที่อยู่ในเลือดก็สูงมากขึ้นเช่นกัน และถ้าหากเลือดไหลผ่านไปยังเส้นเลือดมากก็ย่อมจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงมากได้

3. โรคหัวใจ

การที่มีปริมาณเลือดในร่างกายสูง ก็จะนำสู่ความดันโลหิตที่มันสูงมากยิ่งขึ้น การที่เรามีความดันสูงก็จะทำให้หัวใจเกิดการสูบฉีดเลือดที่หนักและมีภาวะหัวใจเร็วมากกว่าเดิม จนนำไปสู่และมีโอกาสที่จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ซึ่งถ้าหากเราเป็นมากๆ ก็อาจจะทำให้หัวใจของเราวายได้เช่นกัน

ฉะนั้น : แล้วเมื่อเรารู้ข้อเสียของการกินเค็ม เราก็ควรที่จะกินเค็มให้น้อยลง และหันมารับประทานผักและผลไม้ให้เยอะๆ กินน้ำเยอะๆ พร้อมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมออยู่เป็นประจำ